Exness

การบริหารเงินทุน (Money management)

การบริหารเงินทุนก่อนเล่น

การบริหารเงินทุนมีความสำคัญมากเป็นอันดับ 1 ในการลงทุนตลาด Forex  และตลาดหุ้นด้วย เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าเราจะตั้ง lot เท่าไหร่ จุดขาดทุน เป้าหมายของกำไรนั้น เราก็ไม่สามารถบริหารความเสี่ยงได้ ก็เท่ากับว่าเรามีความเสี่ยงอย่างมากในการลงทุน เราจำเป็นต้องจัดสรรค์การเทรดให้เหมาะสมกับตัวเรา วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการ

1.จำกัดความเสี่ยงให้พอดี (ให้แพ้ได้ 10 ครั้งติดต่อกันเท่าไหร่ ที่ว่าพอดี ? กี่ % ต้องใช้ความเสี่ยงคู่กับระบบเทรด
ระบบที่ 1. ระบบไม้เดี่ยว  ซึ่งเป็นระบบพื้นฐานที่สุด
1.ต้องดูความแม่นยำของการเทรดของเราเป็นหลัก
2.ถ้าโอกาสถูก 50-50, ให้คิดว่า เราจะทนผิดทางได้กี่ครั้งติดต่อกัน จะหมดพอร์ต
3.มีนักคณิตศาสตร์คิดไว้ละว่า 10% เป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในระยะยาว
4.เช่น ถ้าเรามีทุน 2,000 USD, ให้ตั้ง cut loss ที่ 200 USD, จะทำให้ผิดทางได้ 10 ครั้งต่อกัน, และกำไร 200 USD เท่ากัน
5.ปกติ คิดไว้ 10 ครั้ง

          ระบบที่ระบบที่ดีที่สุด (Ideal System)
 •ลองคิดกลับกันว่า ถ้าเรามีเงินไม่จำกัด(Infinity) เราจะทำอย่างไรให้ชนะได้แน่นอนโดยไม่ต้องชนะมากก็ได้ แต่ขอให้ชนะทุกรอบในการเล่น                     
 •คำตอบ คือ ก็ Double Lot ไปเรื่อยๆ หากแพ้                      
 •เพราะเรารู้ว่าการแข่งขัน มีแพ้ มีชนะ 50-50, กราฟเองก็ มีเดินทางและมีพักตัว
 •ฉะนั้น หากเรา Double Lot ไปเรื่อยๆ,ขอแค่ชนะสักตา ก็พอ ก็จะชนะทั้งรอบนั้นได้ เช่น เริ่มวางเงินเดิม            พันที่ 1 ถ้าแพ้ วางตาต่อไปเพิ่มเป็น 2 ยังแพ้อีก ก็วาง 4,วาง 8, 16, 32,… เมื่อชนะก็จะได้เงินคืนและ          บวกกำไรเท่ากับการวางตาแรกเสมอ (อีก 1 USD)


ปัญหา 1: เราไม่มีเงิน Infinity
     (กลับทิศ สั้นๆ)
  วิธีแก้ 1: ทำให้เงินเราเหมือน infinity,โดยลง Lot แรกน้อยๆ เช่น ทุน 2,000 USD ก็วางตาแรก 1, 
ตาที่สอง 2,4,8,16,…


ครั้งที่     Enter $     Sum of $
  1              1                1
  2              2                3
  3              4                7
  4              8               15
  5             16              31
  6             32              63
  7             64             127
  8            128            255
  9            256            511
  10          512           1023
  11         1024          2047
  12         2048          4095
  13         4096          8191
  14         8192         16383
  15        16384        32767
  16        32768        65535
  17        65536       131071
  18      131072       262143

อีกวิธีหนึ่ง 
เมื่อคุณเสียไป 10% ของเงินทุน ให้วางแผน 2 ว่าคุณต้องชนะให้ได้ 11.11%ของเงินทุนครั้งแรก 
ถ้าครั้งที่ 2 เสียไป 10% รวมครั้งแรก 20% คุณก็ต้องวางแผน 3 ต่อ ว่าคุณต้องชนะให้ได้ 25% 
ตามรูปภาพนี้ครับ




การลงทุนก็จะเป็นเหมือนกราฟข้างล่างนี้ครับ





ทีนี้เรามาดูวิธีการตั้ง Lot ให้เหมาะกับเงินลงทุนของเรากันครับ

               
                  จำนวนเงิน       Lot          pip         ปลอดภัย
              10              0.01        1000           50%

              100            0.10        1000           50%
               1000          1.00        1000           50% 


          จำนวนเงิน       Lot          pip         ปลอดภัย
     100            0.05        2000          75%
      1000           0.50        2000          75% 
     10000           5.0        2000          75%


         จำนวนเงิน       Lot          pip         ปลอดภัย

     100            0.03        3333          100%
      1000          0.30        3333          100% 
     10000        3.00        3333          100%



ลองนำไปตั้งค่ากันดูนะครับว่าจะตั้ง Lot แบบไหนกัน

หน้าแรก  การตี Trendline  การวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด  การใช้pivot point  12 เรื่องที่ต้องรู้ในการเทรด  การตั้งค่าใช้งาน MT4  การใช้งานและคีย์ลัดใน MT4  แหล่งข่าว  แนวทางหลักการของ วอเร็น บัฟเฟ็ตต์  The 10 Commandments ของการลงทุน by ลุงโฉลก  ก่อนการเริ่มเทรดทุกครั้งเราควรคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง  กฎ 10 ข้อ และการวิเคราะห์เทคนิค  ระบบการเทรดโดยใช้เส้น EMA 5 ,10  ระบบการเทรดของผม การใช้ Stochastic  การวิเคราะห์ และ วิธีการอ่านข่าว  เว็บแหล่งรวม Indicator  การใช้ fibonacci  หลักการเทรดฟอเร็กซ์  การบริหารเงินทุน (Money management)

หลักการเทรดฟอเร็กซ์

หลักการโดยทั่วไปในการเทรดฟอเร็กซ์ 




 1. การวางแผนการเทรดและเทรดตามแผนของคุณ(Plan your trade And Trade your plan)
     ในการเทรด ไม่ควรตัดสินตามอารมณ์ ความรู้สึกของคุณ ว่าราคาน่าจะขึ้น ราคาน่าจะลง แล้วเปิดคำสั่งเทรด คุณจำเป็นจะต้องมีการวางแผนในการเทรดเพื่อนำไปสู่ึความประสบความสำเร็จ แผนการเทรดที่ดี ควรประกอบด้วย 1. การกำหนด จุดเข้า หรือ สัญญาณในการเข้าเทรด 2 . การกำหนดจุด ขาดทุน ( Stop Loss) 3. การกำหนดเป้าหมายกำไร ( Target) 4. การวางแผนทางการเงิน ( Money Management) 5. การบริหารความเสี่ยง ( Risk Management) การจัดสรรค์การเรดให้เหมาะสม แผนการเทรดที่ดีจะช่วยให้คุณตัดอารมณ์ ออกจากการเทรด ช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเครียด เวลาที่ติดลบ หรือ ไกล้จะ Call Margin ( เงินใกล้จะหมด) ไม่ต้องถูกบังคับปิด เช่น มาจิ้นของคุณหมด ตัวอย่างแผนการเทรดหรือระบบเทรด คุณสามารถ หาได้จากเ็ว็บนี้ หรือ จาก google ลองหาแผนการเทรดที่เหมาะกับตัวของคุณ ลองทดสอบระบบ และเทรดตามระบบด้วยเงินปลอม อาจจะปรับปรุงให้เหมาะสมกับตัวของคุณ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรดของคุณ ซึ่งไม่มีระบบไหนที่ได้ผลการเทรดของคุณออกมา 100% ระบบเทรดที่ดี ควรมีประสิทธิ์ภาพมากกว่า 60 % ไม่ว่าคุณจะได้ระบบเทพ หรือ สุดยอดเทพ ยังไง คุณก็ต้องติดลบก่อน ไม่มีใครไม่เคย ติดลบ
      2. แนวโน้มของกราฟ คือเพื่อนของคุณ ( The Trend is Your Friend )
       อย่าคิดสวนเทรน ให้หาสัญญาณ Buy/ Long เมื่อ ตลาดอยู่ในสภาวะขาขึ้น ( Bullish Market ตลาดแดนบวก) และหาจังหวะ Sell/Short เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะขาลง ( ฺำBearish Market ตลาดแดนลบ)
      3. การรักษาเงินลงทุน ( Focus on capital preservation)
       สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับการเทรด ต้องรักษาเงินในบัญชีของคุณให้ดีที่สุด การเปิดคำสั่งเทรดแค่ละคำสั่ง ไม่ควรจะเกิน 10 % ของเงินในบัญชีเทรดของคุณ เช่น เงินทุน 1000 $ คุณควจจะเทรดไม่เกิน 100$ ถ้าไม่มีการรักษาเงินทุนไว้ เงินทุนจะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทรดมาก ได้มาก ก็เสียมาก เช่นกัน เมื่อเงินหมด คุณอาจจะท้อ หรือเลิกไปเลย เพราะฉะนั้น ควรจะเล่นน้อยๆ เรื่อย ๆ แล้ว จะประสบผลสำเร็จในตลาดฟอเร็ก ฟอเ็ร็กไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย
      4.ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะตัดขาดทุน (Know when to cut loss)
       ถ้าราคาวิ่งตรงข้ามกับที่คุณได้เทรดไว้ หรือคาดการณ์ไว้ สิิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ตัดเนื้อร้ายออกไป อย่าให้มันรุกราม แล้วหาโอกาสหรือจังหวะดีๆ เพื่อเข้าใหม่ การถือติดลบไว้ เป็นการเสียโอกาสในการหาจังหวะเข้าใหม่ในสัญญาณดีๆ และต้องมานั่งเครียด เพราะกลัวว่า มาจิ้น จะหมด คังคำที่พูดกันว่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย และ ลบน้อยตัดยาก ลบมากตัดง่าย ถ้าเลวร้ายจริงๆ คุณอาจจะโดนคำสั่งปิด Margin Call ดังนั้นเมื่อทำการเทรดทุกครั้ง ควรหาจุด Stop Loss จุดที่คุณควรปิดทิ้ง เมื่อราคาวิ่งตรงข้าม จากทีคาดการณ์ไว้ โดนอาจจะกำหนดไว้เลย เช่น Exit stop Loss -20 จุด -30 จุด หรือตั้งไว้ตามแนวรับแนวต้าน Support- Resistance
      5. ปิดทำกำไรเมื่อได้โอกาส หรือด้วยความพอใจของเรา(take Profit when the trade is good)
       ก่อนทำการเทรด ตั้งเป้าหมายไว้ ว่าต้องการกำไรเท่าไร เมื่อได้โอกาส ก็ควรปิดทำกำไร เป้าหมาย ( Target) อาจจะกำหนดตายตัว หรือ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเรา เช่น ทำกำไร 20 จุด หรือ 30 จุด หรือกำหนด ตามแนวรับแนวต้าน ( Support and Resistance) หรือกำหนด โดย Fibonaccy ก็ได้
      6. ตัดอารมณ์ออกไป(Be Emotionless)
       สองอารมณ์ ที่มีผลมากให้การเทรด คือ ความโลภ ( Greedy) และความกลัว(fear) อย่าทำให่้สองสิ่งนี้ครอบงำจิตใจของคุณ เพราะมันจะทำให้คุณไม่สามารถเทรดได้ หมั่นฝึกฝนเทรดให้เป็นระบบ เทรดตามแผน หรือระบบเทรดที่คุณได้เตรียมไว้ จัดการ กับ การกำหนดจุดเข้า ( Entry Position) จุดออก ( Exit Position) ระบบการเงินของคุณ(Money Management) เพียงแค่นี้ คุณก็จะประสบความสำเร็จกับฟอเร็กได้
      7. อย่าเทรดตามคุณอื่น ( Do not trade base on tips from other people)
       ควรเทรดตามระบบ ตามสัญญาณ หรือตามแผนที่วางไว้ อย่าเทรดตามคนอื่นโดยเด็ดขาด วิเคราะห์ให้ดีทุกครั้งก่อนการเทรด
 
      8. จดบันทึกการเทรด (Keep A trade journal)
       เมื่อคุณเปิดคำสั่ง ซื้อ (Buy/Long) ให้จด เหตุผลว่าเข้าเพราะอะไร และจดความรู็้สึกตอนนั้นไว้ เมื่อเปิดคำสั่ง ขาย ( sell/Short) ก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วนำมาวิเคราะห์ บันทึก ข้อผิดพลาด ในการเทรด ขำข้อผิดพลาดของคุณที่เกิดขึ้น นำมาเป็นบทเรียน แล้วอย่าทำตามนั้นอีก
      9.เมื่อไม่แน่ใจไม่ต้องเทรด( When in doubt, stay out)
      เมื่อคุณไม่มั่นใจหรือกำลังสับสน กับสภาวะของตลาดไม่แน่ใจว่าราคาจะวิ่งไปทางไหน ให้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องเทรด ออกไปเดินเล่นหาอย่างอื่นทำ แล้วก็รอตลาดในช่วงต่อไป คุณค่อยมาหาจังหวะการเทรดใหม่
     10. อย่าเทรดมากเกินไป ( DO Not Over Trade)
     ไม่ควรเปิดเทรดมากเกินไป ในการเทรดแต่ละครั้งควรมีออเดอร์ที่เปิดทิ้งไว้ ไม่เกิน 3 ออเดอร์ ถ้ามีมากเกินไป คุณอาจจะควบคุมไม่ได้ หรือาจจะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเมื่อตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นอย่าเปิดเทรดจนมากเกินไป



ขอขอบคุณที่มา fx-dd.makewebeasy



หน้าแรก  การตี Trendline  การวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด  การใช้pivot point  12 เรื่องที่ต้องรู้ในการเทรด  การตั้งค่าใช้งาน MT4  การใช้งานและคีย์ลัดใน MT4  แหล่งข่าว  แนวทางหลักการของ วอเร็น บัฟเฟ็ตต์  The 10 Commandments ของการลงทุน by ลุงโฉลก  ก่อนการเริ่มเทรดทุกครั้งเราควรคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง  กฎ 10 ข้อ และการวิเคราะห์เทคนิค  ระบบการเทรดโดยใช้เส้น EMA 5 ,10  ระบบการเทรดของผม การใช้ Stochastic  การวิเคราะห์ และ วิธีการอ่านข่าว  เว็บแหล่งรวม Indicator  การใช้ fibonacci  หลักการเทรดฟอเร็กซ์  การบริหารเงินทุน (Money management)

กลยุทธ์การตั้ง Stop Loss (จุดขาดทุน)


"ทำไมราคาวิ่งมาชน Stop loss (SL) ของเราอีกแล้ว" นี่น่าจะเป็นคำถามที่เทรดเดอร์ถามตัวเองแบบเซ็งๆเป็นประจำเมื่อออเดอร์ของเราโดน SL ที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตลาดจะทำทุกอย่างที่มันอยากจะทำ เคลื่อนไหวไปในทางที่มันอยากจะไป เทรดเดอร์ต้องเจอกับความท้าทายใหม่ๆทุกวัน ส่วนมาก็จะเป็นในเรื่องของการเมืองทั่วโลก เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่กระทั่งข่าวลือที่เกี่ยวกับธนาคารกลางที่สามารถทำให้ราคาวิ่งไปในทิศทางไหนก็ได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยที่คุณไม่ทันได้ตั้งตัว นั่นก็หมายความว่า จะต้องมีเทรดเดอร์บางคนที่เปิดออเดอร์ในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับราคาตลาด และต้องเสียเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าเราสามารถควบคุมได้ว่าเราจะทำอย่างไรเมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น เราสามารถปิดออเดอร์เพื่อตัดการขาดทุนในตอนนั้นเลย หรือว่าคุณจะนั่งรอคอยความหวังว่าราคามันจะกลับมาในที่ที่คุณต้องการ และถ้ามันไม่กลับมาอย่างที่คุณหวังไว้แล้วคุณปล่อยไปอย่างนั้นเรื่อยๆโดยไม่มีการตัดสินใจ พอร์ตของคุณก็อาจจะสะอาดได้ (ล้างพอร์ต)

คำพูดที่ว่า  "Live to trade another day!" น่าจะเป็นคำขวัญของเทรดเดอร์มือใหม่ทุกคน เพราะ ยิ่งคุณอยู่รอดได้นานเท่าไหร่ คุณก็สามารถเรียนรู้ได้มากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จของคุณด้วย
กลยุทธ์การเทรดอีกอย่างที่สำคัญคือการ  "stop losses" ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่เทรดเดอร์ควรจะรู้ไว้เพื่อเป็นอาวุธอย่างหนึ่งในการเทรด การที่มีการตั้ง SL นี้ นอกจากจะช่วยตัดการขาดทุนของคุณเพื่อให้มีโอกาสในการกู้สถานการณ์แล้ว มันยังช่วยขจัดความวิตกกังวลที่เกิดจากการสูญเสียในการเทรดโดยไม่ต้องวางแผนด้วย และความเครียดที่ลดลงมันก็เป็นผลดีในการเทรดของคุณด้วย
จุด SL ควรจะเป็นจุดที่ "ลบล้างความคิด" ในการเทรดสำหรับออเดอร์นั้นๆของคุณ ดังนั้นเมื่อราคามาถึงจุด SL มันก็น่าจะเป็นสัญญาณว่า "มันถึงเวลาที่ต้องออกจากออเดอร์นี้แล้ว"
การตั้งจะ SL นั้นมี 4 วิธี ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน หรือเลือกแล้วแต่ความถนัดของเรา
1. หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน
2. หยุดตามรูปแบบของกราฟ
3. หยุดตามความผันผวน
4. หยุดตามเวลา


1. หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน
การตั้ง SL แบบนี้เป็นการตั้ง SL แบบพื้นฐานที่สุด โดยใช้การกำหนดความเสี่ยงจากสัดส่วนของเงินทุนที่อยู่ในบัญชี อย่างเช่นว่า เราเต็มใจที่จะเสี่ยงขาดทุนได้ที่ 2% ต่อการเทรดในแต่ละครั้ง แต่ว่าเทรดเดอร์ทุกคนจะยอมรับความเสี่ยได้ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะรับความเสี่ยงได้ถึง 10% ในขณะที่บางคนอาจจะยอมเสี่ยงได้เพียงแค่ 1% เท่านั้น
และในการตั้ง SL คุณควรจะตั้งตามสภาวะของตลาด หรือตามกฎของระบบเทรดของคุณ ไม่ใช่ว่าตั้งตามจำนวนเงินที่คุณจะยอมสูญเสียได้
สับสนมั้ยคะ :) งั้นเรามาดูตัวอย่างกัน
นายแดง มีบัญชีมินิ ที่มีเงินอยู่ $500 และ ขนาด Lot size ที่เขาสามารถเทรดได้คือ 10k ( ในบัญชีมินิ 10k เท่ากับการเทรดที่ จุดละ $1) แดงต้องการที่จะเทรด GBP/USD และเขาเห็นว่าราคาวิ่งอยู่แถวๆแนวต้านที่ระดับ 1.5620 เขาจึงต้องการที่จะเซล และตามกฎการลงทุนของเขาคือ เขาจะไม่เสี่ยงเกิน 2% ของเงินทุนในการเทรดแต่ละครั้ง และสำหรับการเทรดที่ขนาด 10k ของ GBP/USD แต่ละจุดมีค่า $1 และ 2% ของเงินในบัญชีแดงเท่ากับ $10 ดังแดงก็จะตั้ง SL ได้มากที่สุดที่ 10 จุด ดังนั้นแดงจะต้องตั้งจุด SL ของเขาไว้ที่ 1.5630

หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน

แต่ว่า GBP/USD มีการเคลื่อนไหวทีมากกว่า 100 จุดต่อวัน ราคาจึงอาจจะวิ่งมาชนจุด SL ของแดงได้อย่างง่ายดาย เพราะตำแหน่ง SL นั้นจำกัดด้วยการตั้งค่าความเสี่ยงจากเงินในบัญชีของเขา และเขาตัง SL ด้วยโดยยึดตามจำนวนเงินที่เขาสามารถสูญเสียได้ แทนที่จะกำหนดตามเงื่อนไขจากการเคลื่อนไหวของ GBP/USD

หยุดตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน

และในที่สุด ราคาก็วิ่งมาชน SL ของแดง เพราะว่าจุด SL ของเขาที่วางไว้น้อยเกินไป และนอกเหนือจากนั้นคือ เขาเสียโอกาสที่จะเก็บมากกว่า 100 จุดด้วย
จากตัวอย่างนี้คุณได้เห็นถึงอันตรายจากการตั้ง SL จากการใช้สัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน ที่บังคับให้เทรดเดอร์ต้องตั้งจุด SL ในระดับราคาที่ไม่เหมาะสมกับสภาวะของตลาดและอย่างในกรณีนี้ จุด SL ก็อยุ่ใกล้กับจุดเปิดออเดอร์มาก และเป็นการตั้ง SL ที่ไม่ได้ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมด้วยเลย (เห็นว่าใกล้แนวต้านก็ใส่เลย ไม่ได้วิเคราะห์อย่างอื่นร่วมเลย)
คุณรู้อยู่แล้วว่า คุณควรจะตั้ง SL ในระดับที่ราคาสามารถจะกลับตัวมาในทิศทางที่คุณคาดคิดไว้โดยไม่ชน SL ของคุณ แต่ในกรณีนี้ราคามันวิ่งไปชน SL เข้าแล้ว จึงหมดโอกาสที่จะทำกำไรได้ และ วิธีแก้ปัญหาสำหรับแดงก็คือ หาโบรคเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตร์การเทรดและเงินทุนของเขา
ในกรณีของแดง เขาควรแก้ไขโดยการหาโบรคเกอร์ที่เขาสามารถกำหนดขนาดการซื้อขายที่เล็กลง หรือแม้แต่สามารถกำหนดขนาดเองได้ อย่างเช่น สามารถเทรดที่ขนาด 1k ในคู่เงิน GBP/USD ได้ ซึ่งแต่ละจุด จะมีค่าเท่ากับ $0.10 ซึ่งจะทำให้แดงสามารถตั้งจุด SL ได้ตามเงื่อนไขความเสี่ยงของเขาได้อย่างสบายๆ แดงจะสามารถตั้งจุด SL สำหรับการเทรด GBP/USD ได้ถึง 100 จุด ในความเสี่ยงที่ 2% ของเงินในบัญชีของเขา และตอนนี้เขาก็สามารถตั้ง SL ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งเป็นไปตามกฎของระบบการซื้อขาย ตามแนวรับแนวต้านแล้ว


2. หยุดตามรูปแบบของกราฟ
วิธีการหาจุด SL อีกวิธหนึ่งที่เหมาะสมมากกว่าวิธีแรกคือ ตั้งตามรูปแบบของกราฟ เป็นการตั้ง SL โดยยึดตามสิ่งที่ที่ตลาดบอกเราด้วยรูปแบบของตัวมันเอง
เราสามารถสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาได้ ในบางครั้งราคาก็ดูเหมือนไม่สามารถที่จะวิ่งทะลุผ่านแนวรับแนวต้านนั้นๆ และก็มีบ่อยครั้งที่ราคาวิ่งผ่านแนวรับแนวต้านไปได้ในที่สุดหลังจากวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในกรอบแนวรับแนวต้านนั้นมาระยะหนึ่ง
การตั้งจุด SL ให้เหนือหรือต่ำกว่าระดับแนวรับแนวต้านนั้นก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลในกรณีที่ราคาไม่ Break ระดับแนวรับแนวต้าน แต่ถ้าราคาสามารถ break กรอบราคานั้น ก็จะทำให้เทรดเดอร์อื่นๆเห่เข้ามาเล่นด้วยเมื่อเห็นการทะลุของราคา (Breakout) และเทรดเดอร์เหล่านั้นอาจจะทำให้ราคาวิ่งไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับออเดอร์ของคุณ(ที่เล่นอยู่ในกรอบราคา) ได้ และอย่างที่คุณทราวว่าเมื่อเวลาพักตัวอยู่ในกรอบราคานั่นหมายถึงการสะสมพลัง ซึ่งเมื่อราคาเกิดการ Breakout แล้วก็มีแนวโน้มมากที่ราคาอาจวิ่งพุ่งเป็นเทรนไปในทิศทางนั้นๆ  ต่อไปเรามาดูตัวอย่างการตั้ง SL อีกอย่างหนึ่งเมื่อเกิดการ Breakout ของราคา
จากตัวอย่างเป็นการตั้ง SL โดยยึดตามแนวรับแนวต้าน

หยุดตามรูปแบบของกราฟ

ตามภาพตัวอย่างเราเห็นได้ว่าราคามีการซื้อขายกันอยู่เหนือเส้นแนวรับ (สีดำ) และเมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านแนวต้านด้านบน (สีแดง) ไปได้คุณก็คิดว่ามันการ Breakout ที่สวยงาม และคุณตัดสินใจที่จะซื้อตามแนวโน้มนั้น แต่ก่อนอื่นคุณต้องตั้งคำถามก่อนว่า ตรงไหนที่คุณจะตั้ง SL ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคาดคิดไว้ และเงือนไขอะไรที่จะบอกคุณได้ว่า ความคิดของคุณในการเข้าซื้อครั้งนี้ไม่ถูกต้อง

หยุดตามรูปแบบของกราฟ

ในกรณีนี้ การตั้ง SL ที่สมเหตุสมผมมากที่สุดคือ ตั้ง SL ไว้ใต้แนวรับ (สำดำ) และเส้นเทรนไลน์ (สีแดง) และถ้าราคาวิ่งผ่านเส้นเทรนไลน์นี้ลงมาได้ ก็หมายความว่า มีแรงซื้อไม่พอและตอนนี้ผู้ขายเป็นฝ่ายควบคุมตลาด ดังนั้นความคิดของคุณในการเปิดออเดอร์ซื้อในครั้งนี้จึงเป็นความผิดพลาด และถึงเวลาที่คุณควรจะออกจากออเดอร์ของคุณและยอมรับการสูญเสีย คุณจะเห็นราคาวิ่งในลักษณะนี้ได้บ่อยมากในคู่เงิน EUR/USD







Credit:http://www.thaiforexschool.com


หน้าแรก  การตี Trendline  การวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด  การใช้pivot point  12 เรื่องที่ต้องรู้ในการเทรด  การตั้งค่าใช้งาน MT4  การใช้งานและคีย์ลัดใน MT4  แหล่งข่าว  แนวทางหลักการของ วอเร็น บัฟเฟ็ตต์  The 10 Commandments ของการลงทุน by ลุงโฉลก  ก่อนการเริ่มเทรดทุกครั้งเราควรคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง  กฎ 10 ข้อ และการวิเคราะห์เทคนิค  ระบบการเทรดโดยใช้เส้น EMA 5 ,10  ระบบการเทรดของผม การใช้ Stochastic  การวิเคราะห์ และ วิธีการอ่านข่าว  เว็บแหล่งรวม Indicator  การใช้ fibonacci  หลักการเทรดฟอเร็กซ์  การบริหารเงินทุน (Money management)

เครื่องคำนวนอัตราแลกเปลี่ยน

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Christian Forex Facebook